19 พฤษภาคม, 2555

จิตอิสระ บทที่ 4: ซึมซับ ตอนที่ 24 โดย อิสระ

จิตอิสระ บทที่ 4: ซึมซับ ตอนที่ 24 โดย อิสระ

อลิสสิตา เชาวกรกุล ไม่มีกะจิตกะใจจะทำงานแต่เช้า เพราะสมองเธอว้าวุ่นอยู่กับการ์ดคนสนิทที่หายหัวไปทั้งคืนและกลับมาเอาตอนสาย ซ้ำยังไม่มาให้เธอเห็นหน้าอีก ทำเอาเธอพลางคิดนู่นคิดนี่ไปเรื่อย จนบางครั้งเลขาส่วนตัวเอาเอกสารมาให้เซ็น เธอยังเหม่อลอยมองกระดาษตรงหน้ากว่า10นาทีกว่าจะมีสติเซ็นให้ อาการเช่นนี้เจนนูรับรู้ได้อย่างดี แต่เขาไม่ได้ปริปากพูดอะไรออกไปจนอลิสสิตาต้องพูดออกมาเอง
...นี่เจนนู นายว่าเมื่อคืนพี่เอกไปไหน...
...ข้าไม่ทราบ แต่ดูเจ้าเป็นห่วงเป็นใยเสียจริง ไม่ทราบว่าในฐานะนายกับบ่าว หรือหนุ่มสาว...เจนนูตอบแล้วยอกย้อน ทำเอาอลิสสิตาสะอึกเล็กน้อย ก่อนตอบเบาๆในใจ
...ก็ แค่เป็นห่วงเขา เห็นว่าไม่มาทำงาน ไม่มีคนมาคุ้มครองรู้สึกไม่ปลอดภัย... นั่นสินะ เธอเองก็ไม่รู้ทำไมต้องกระวนกระวายด้วย ทั้งๆที่เธอตอบตนเองไปว่าเธอไม่รู้สึกอะไรกับนายเอกพันธ์ แต่ใจยังเป็นห่วงเขาอยู่ลึกๆ
...เดี๋ยวเขาพร้อมก็จะมารายงานตัวต่อเจ้าเองแม่หญิง แต่ข้าก็สามารถคุ้มครองเจ้าได้เช่นกันนะ... เจนนูหยอกล้อให้ชวนหัวพลางยืดร่างออกช้าๆให้หญิงสาวรู้สึกตัว ทำเอาอลิสสิตาจนลุกซู่ก่อนจะสะบัดตัวเบาๆ
...นายจะทำร้ายอลิสซะมากกว่าน่ะสิ อยู่นิ่งๆเลย อลิสจะเคลียร์งานเก่าของคุณพ่อ... อลิสสิตาตอบกลับแล้วก็หยิบแฟ้มรายงานเล่มหนาปึ๊ก3เล่มออกจากตะแกรงมาไว้ตรงหน้า ในขณะที่หน้าแดงกล่ำเพราะนึกถึงสิ่งที่ผ่านมาที่เจนนูทำกับเธอ ส่วนเจนนูก็ไม่ได้คิดจะทำอะไรอย่างที่เขาพูด เพียงแต่ต้องการให้เธอไม่คิดมากในเรื่องของเอกพันธ์ แต่เขาเองกลับต้องคิดถึงบางอย่างที่เขาสัมผัสได้อย่างคุ้นเคยเมื่อเอกพันธ์ขับรถผ่านในตอนเช้า
...คลับคล้ายว่าข้าเคยพบจากที่ไหนสักแห่ง...
...หืม? อะไรหรอ?... อลิสถามเจนนูในใจ 
...อ่อ ไม่มีอะไร ข้าคิดไปเรื่อยเปื่อย...เจนนูตอบตะกุกตะกัก เขาลืมไปว่าเชื่อมจิตใจกับหญิงสาวคนนี้แล้ว จากนี้ไปคิดอะไรคงต้องระวังไม่ให้เผลอสื่อสารไปถึงเธอ
        อลิสสิตาเคลียร์งานเก่าของนายริชมอนด์ที่ค้างคาอยู่อย่างรวดเร็ว ไม่นานเธอก็เรียกเลขาส่วนตัวออกมาเพื่อนัดแจกแจงงานพร้อมเชิญหัวหน้าฝ่ายต่างๆเข้าพบที่ละคนเพื่อตรวจสอบและถามเกี่ยวกับระบบงานของฝ่ายต่างๆ จนพักเดียวก็ถึงเวลาเที่ยง อลิสสิตายังคงนั่งอยู่ที่โต๊ะทำงานคุยกับเลขาส่วนตัว
“เอาตามนี้นะคะพี่วิ เดี๋ยวตอนบ่ายสองอลิสจะรอพบคุณชัยเพื่อคุยเรื่องการตรวจสอบคุณภาพของผลิตภัณฑ์ต่อ” อลิสพูดจบก็ยื่นเอกสารให้กับวิชุดา เลขาของเธอ ที่ยื่นมือมารับก่อนลุกขึ้นยืนแล้วเดินออกจากห้องไป
พอวิชุดาออกจากห้องไป อลิสสิตาก็ยืดแขนทั้งคู่จนสุดแล้วบิดตัวพร้อมถอนหายใจออกมา เวลาผ่านไปรวดเร็วจนเที่ยงในขณะที่เธอง่วนอยู่กับงานจนลืมหิว จากนั้นอลิสสิตาก็ลุกขึ้นพร้อมเดินออกไปนอกห้องทำงานเพื่อไปหาอะไรกิน
...มื้อนี้เจ้าจะทานอะไร?... เจนนูเอ่ยปากถามหลังที่เงียบมานาน เพราะไม่ต้องการรบกวนสมาธิของเธอ
...นั่นสินะ กินอะไรดีละ... อลิสสิตาตอบอย่างอารมณ์ดีพลางนึกถึงอาหารไปเรื่อย ทันใดนั้นก็มีเสียงโวยวายจากด้านหน้าลิฟท์ที่อลิสสิตากำลังเดินไป พร้อมกับเสียงของวิชุดาที่ร้องห้าม
“คุณคะ ไม่ได้ค่ะ นี่เวลาพักเที่ยงของท่านประธานกรุณาติดต่อใหม่ตอนบ่าย” เสียงวิชุดาร้องห้ามใกล้เข้ามาเรื่อยๆ อลิสสิตาเริ่มเป็นห่วงจึงรีบเดินไปยังต้นเสียงที่อยู่ตรงลิฟท์ซึ่งอยู่ตรงทางแยกด้านขวา
“คนตายเป็นสิบนี่คุณคิดว่าจะให้ผมรอรึไง” เสียงของผู้ชายดังกระโชกโฮกฮากพร้อมย่ำเท้าเสียงดัง ”นี่ อย่ามาจับผมสิ ผมตำรวจนะ โว้ย”
สิ้นเสียง พอดีกับที่อลิสสิตาเดินมาเห็นพอดี ร่างเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยประจำอาคารโดนเหวี่ยงไปกระแทกกับกำแพงข้างลิฟท์ ในขณะที่วิชุดาตกใจยืนค้างทำอะไรไม่ถูกที่เห็นชายในเสื้อยืดกางเกงยีนส์มีเฝือกที่ขาขวาเหวี่ยงชายร่างใหญ่ได้ง่ายดายราวกับเป็นเพียงของเล่น
“คุณต้องการมาพบอลิส ไม่เห็นจำเป็นต้องทำร้ายร่างกายคนอื่นนี่คะ” อลิสสิตาตวาดอย่างไม่เกรงกลัว ชายคนนั้นหันมาสบตาอลิสสิตาอย่างแข็งกร้าว เขาเป็นชายผิวเข้มหน้าตาคมแต่เต็มไปด้วยรอยขีดข่วนทั่วใบหน้า แถมยังมีเฝือกที่ขาขวา
...เจ้านี่ขาบาดเจ็บเพียงนี้ยังสามารถทำร้ายชายฉกรรจ์ได้ ระวังตัวไว้ด้วยแม่หญิง... เจนนูเตือนขณะที่ตนรู้สึกถึงกลิ่นแปลกๆที่มาจากตัวเขา
“ขอโทษด้วย” ชายคนนั้นตอบห้วน พลางมองซ้ายขวา วิชุดาสะดุ้งเมื่อถูกสบตาเข้าแวบเดียว แล้วค่อยๆถอยออกไปอย่างหวั่นๆ
“ผมชื่อกิตติ เป็นตำรวจ” ชายคนนั้นแนะนำตัวขณะมองวิชุดาราวกับจะฆ่าทิ้ง แล้วหันมาสบตากับอลิสสิตา “คุณคือลูกสาวคุณริชมอนด์ใช่มั้ย”
“อลิสสิตาค่ะ อลิสสิตา เชาวกรกุล” อลิสสิตาแนะนำตนเองพร้อมทำท่าเชื้อเชิญให้นั่ง แต่กิตติกลับปฎิเสธ
“ผมว่าผมไม่ใจเย็นขนาดจะนั่งได้หรอกครับ คุณกำลังจะไปไหน ผมไปด้วยดีกว่า ผมจะคุยกับคุณ”
“อลิสจะไปทานข้าวค่ะ ถ้าคุณต้องการอย่างนั้นก็ไปทานข้าวด้วยกันเลยมั้ยคะ?” อลิสสิตาเชื้อเชิญ กิตติพยักหน้ารับก่อนจะลงลิฟท์ไปด้วยกัน
...เอ่อ นี่เจ้ากล้าชวนชายที่ไม่รู้จักไปทานอาหารด้วยกันขนาดนี้เชียวรึ... เจนนูถามอย่างอึ้งๆขณะที่ยังอยู่ในลิฟท์ด้วยกันทั้งหมด
...ทำไมอลิสต้องกลัวล่ะ นายสัญญาจะปกป้องอลิสแทนพี่เอกไม่ใช่หรอ?... อลิสสิตาย้อน
...ข้าคิดว่าหากเกิดอะไรขึ้น ข้ากลัวเจ้านั่นจะบาดเจ็บมากกว่าเดิมซะเปล่า...
...เก่งจังนะนายเจนนู แน่จริงก็ปกป้องอลิสให้ได้อย่างที่พูดแล้วกัน...
...นี่เจ้า... เจนนูยัวะเล็กๆที่โดนหญิงสาวสวนกลับ ฝ่ายอลิสสิตาก็อมยิ้มจางๆจนกิตติหันมามองอย่างสงสัยเล็กน้อย แต่ก็ไม่พูดอะไร
...ไว้ทีข้าบ้างนะ... เจนนูฝากไว้ในใจพลางนึกถึงแผนจะสำเร็จโทษเธอในคืนนี้เล่นๆ 

        อลิสสิตามายังรถส่วนตัวและเชื้อเชิญให้กิตตินั่งไปด้วยก่อนพาไปยังร้านอาหารหรูด้านนอก พอมาถึงก็มีพนักงานออกมาต้อนรับถึงประตูรถ เธอเดินไปยังบันไดหินอ่อนปูพรมแดงและตามมาด้วยกิตติที่เดินเขยกขาเพราะเข้าเฝือกที่ขาขวา พอเดินผ่านประตูไม้สีน้ำตาลมันเลื่อมที่ประดับด้วยแก้วสีสันต่างๆเป็นรูปนามธรรมที่แสดงความเป็นตัวตนของยุคเรเนสซองส์ก็เข้าไปพบกับโถงใหญ่โอ่อ่า ที่เต็มไปด้วยโต๊ะอาหารหินอ่อนขนาดและสีสันต่างๆกัน ผู้คนที่อยู่ในนี้ต่างเป็นเหล่าผู้ดีมีอันจะกินทั้งสิ้น สวมเสื้อสูท ชุดผ้าไหมมีราคาที่ส่งให้ผู้สวมใส่ล้วนดูสง่างามไปหมด สร้างความแตกต่างให้พวกเขาราวกับอยู่คนละโลกเลยทีเดียว
        วันนี้อลิสสิตาแต่งตัวด้วยชุดทำงานธรรมดาที่เป็นแสื้อเชิ๊ตแขนยาวสีขาว ตรงคอเสื้อมีลูกไม้ตกแต่งมาเป็นริ้วสวยงาม และใส่เพียงกระโปรงทำงานสีดำยาวถึงเหนือหัวเข้า และกิตติที่ใส่เพียงเสื้อยืดสีเทาและกางเกงยีนส์พับข้างตามด้วยเฝือกสีขาวหม่นๆ เพียงแค่ก้าวเข้ามา สายตาของผู้คนทั้งหมดก็จ้องมายัง2คนนี้เป็นตาเดียว
“มองไรวะ ถอดสูทถอดเสื้อออกมาหน้าตาก็ไม่ต่างกูหรอก” กิตติกล่าวอย่างไม่สบอารมณ์
“ใจเย็นค่ะ เรามาคุยงานดีกว่า เชิญทางนี้” อลิสสิตากล่าวปรามเล็กน้อยพลางผายมือเชื้อเชิญให้เขานั่งเก้าอี้ที่อยู่ตรงหน้า กิตติรู้สึกอายเล็กน้อยที่เขาพูดอะไรดูไม่เข้าท่าจึงรีบนั่งลงอย่างรวดเร็ว
เมื่ออลิสสิตานั่งเรียบร้อยก็สั่งอาหารมา4รายการ ในขณะที่กิตติล้วงเอาเอกสารออกมาวางไว้บนโต๊ะ
“เชิญค่ะ” 
“ครับ ที่ผมต้องนัดเร่งด่วนเช่นนี้เพราะว่าผมต้องการพยานในเหตุการณ์”
“พยานในเหตุก... อะไรนะคะ?” อลิสสิตาถามด้วยความงุนงงมองหน้าที่มีรอยขีดข่วนของกิตติอย่างสงสัย
“เมื่อสามคืนก่อน คุณอลิสสิตาทำอะไรอยู่ที่ไหนครับ?”
“อลิส...ไปนั่งทานอาหารมื้อค่ำบนภัตตาคารลอยฟ้าค่ะ”
“คุณอยู่ที่นั่นกับใครบ้าง?”
“อลิสอยู่กับพ่อ คุณวิชิต และคุณภูชิตค่ะ”
“ครับ จากข่าว ผมทราบมาว่าเกิดเหตุการณ์วัตถุลึกลับเข้าชนที่ดาดฟ้าตึกนั้นซึ่งทำให้คุณริชมอนด์ต้องเสียชีวิตคาที่” กิตติเว้นวรรคแล้วหันมาสบตาหญิงสาว เห็นดวงตาเธอสั่นเล็กน้อยเมื่อเอ่ยถึงนายริชมอนด์ก่อนจะอ่านต่อ “ส่วนคุณภูชิตและคุณวิชิตหายตัวไป...”
“ค่ะ อลิสทราบแล้วค่ะ และอลิสได้ให้การกับตำรวจที่สถานี่เรียบร้อยแล้วค่ะ”
“ครับผมทราบ คุณได้ให้การไว้ว่าคุณไม่รู้เรื่องเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเพราะคุณหมดสติไป ก่อนที่จะปรากฏตัวอีกครั้งที่คฤหาสน์บ้านคุณเอง...”
“ค่ะ”
“แต่หลังจากนั้นอีกเพียงวันเดียว เราพบศพหญิงสาวและคนอื่นมากมายที่ดงสลัมใกล้จุดเกิดเหตุซึ่งสภาพศพพบว่าถูกทำร้ายด้วยสิ่งต่างๆแตกต่างกันไป แต่เป็นสถานที่ที่ใกล้กับจุดที่คุณหมดสติและหายตัวไปในคืนนั้น และทางเราได้พบหลักฐานเป็นเศษผ้าของชุดราตรีของคุณตกอยู่ที่กอหญ้าตรงข้ามกับจุดเกิดเหตุ” พูดจบกิตติก็วางซองพลาสติกใสที่มีเศษผ้าไหมสีฟ้าลงบนโต๊ะ
“ค่ะ แล้วหลักฐานไหนบ่งชี้คะว่าอลิสเป็นผู้ลงมือ”
“ผมไม่ได้จะกล่าวว่าคุณเป็นฆาตกรนะครับ แค่ขอให้คุณช่วยนึกว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่หลังจากที่เกิดเหตุการณ์พุ่งชนนั้น ขนาดพื้นกระเบื้องยังแตกกระจายเกิดรอยไหม้เป็นทาง กระจกและสิ่งก่อสร้างพังแทบไม่มีชิ้นดี คนที่อยู่ในเหตุการณ์ก็บาดเจ็บกันทั้งนั้นแต่คุณกลับไม่เป็นอะไรเลย”
        ทันใดนั้น เจนนูสัมผัสได้ถึงบางอย่างที่แปลกปลอม
“อลิสบอกแล้วค่ะว่าอลิสจำไม่ได้ ถึงขั้นนี้อลิสว่าอลิสต้องขอดูบัตรพกของคุณแล้วค่ะ” อลิสกล่าวด้วยเสียงเรียบในขณะที่ดวงตาแสดงความไม่พอใจอยู่ลึกๆ
...แม่หญิง...เรียกอลิสสิตาในใจ เธอกลับไม่ตอบอะไรเขา
“เอ่อ บัตร” กิตติล้วงกระเป๋ากางเกงหาบัตร แต่เขาไม่ได้พกมันมาจึงเริ่มแสดงอาการกระวนกระวาย
“อย่าบอกนะคะว่าตำรวจมาสอบถามพยานเนี่ย ไม่จำเป็นต้องพกบัตร” อลิสสิตายิ้มอย่างมีชัย กิตติมองหน้าเธออย่างเจ็บแสบเหมือนโดนตอกกลับ ใจอยากจะค้านแต่ไม่มีอะไรจะสู้ได้
...แม่หญิง ฟ้งข้า... เจนนูเรียกเธออีกครั้งด้วยเสียงที่ดังกว่าเดิม
...เดี๋ยวก่อนนายเจนนู อลิสกำลังต้อนนายนี่ให้จนมุม... อลิสตอบด้วยเสียงยิ้มกริ่มในขณะที่ใบหน้าเธอไม่แสดงอารมณ์ใดๆออกมา
...ไม่ใช่เรื่องนี้อลิสสิตา ข้าหมายถึง..
“ถ้าไม่มีธุระอะไรต้องขอเชิญกลับด้วยนะคะ” อลิสสิตาปล่อยประโยคเด็ดออกไป “แล้วหากหิวก็ทานอาหารนี้ได้นะคะ” จากนั้นเธอก็เดินออกไปทิ้งให้กิตตินั่งอยู่ตรงนั้นด้วยความโกรธจัดที่ถูกหักหน้า โดยส่วนตัวแล้วอลิสสิตาไม่ได้มีนิสัยใจคอที่เลวร้ายขนาดนี้ แต่เธอไม่ชอบที่ถูกหาว่าไปทำร้ายผู้อื่นและยังจะต้อนเธอให้จนมุมเข้าไปอีก เธอเดินออกไปที่หน้าประตูโดยไม่ทันรู้ตัวว่ามีบางสิ่งกำลังพุ่งเข้าหาเธออย่างรวดเร็ว
...อลิสสิตา ระวัง!!!... สิ้นเสียงเจนนู ร่างของเขาก็ขยายตัวอย่างรวดเร็วฉีกกระชากเสื้อที่ใส่อยู่จนขาดกระจุยแล้วห่อหุ้มร่างของอลิสสิตาไว้จนกลายเป็นลูกบอลทรงกลม ไม่ทันไรก็โดนกระแทกปลิวไปด้านหลังชนโต๊ะอาหารนับสิบล้มกระจายไปทั่ว เหล่าผู้ดีที่กำลังนั่งทานอาหารโดยไม่ทันได้หันไปมองก็ปลิวกระเด็นออกจากที่นั่งแบบไม่ทันตั้งตัวเหมือนกับกิตติที่โดนกระแทกจากร่างของเจนนูจนไปชนกับเสาหินด้านข้าง 
พริบตาเดียวที่ร่างของอลิสปลอดภัยและหยุดนิ่ง เจนนูก็หดตัวลงอย่างรวดเร็วกลับมาเป็นชุดรัดรูปดังเดิม อลิสสิตาลุกขึ้นอย่างมึนงง สำรวจตนเองก็พบว่าอยู่ในชุดรัดรูปสีดำตั้งแต่แผงคอจนถึงหน้าขาอ่อน และไม่ได้รับบาดเจ็บใดๆทั้งสิ้น
“หึหึ มีของดีเหมือนกันหรอครับ คุณหนู...” เสียงแหลมๆฟังดูน่ารังเกียจดังจากประตูที่ฉีกออก มีคราบเลือดไหลออกมาจากพื้นหินนั้น ปรากฏร่างสูงผอมของชายคนหนึ่งยืนนิ่งอยู่ท่ามกลางแสงแดดที่ส่องเข้ามา
“ในที่สุดก็หาเจอ” ร่างนั้นเดินเข้ามาจนแสงไฟจากโคมส่องจนเห็นรูปลักษณ์ของเขา 
        ร่างกายที่ผอมสูงชะลูดซะจนกลบเอาความหนาของลำตัวออกไป ใบหน้าเรียวแหลมนั้นกำลังแสดงความปิติยินดีผ่ายรอยยิ้มที่ดูน่าสะพรึงกลัว ดวงตาเล็กกลมๆกำลังจ้องมองร่างหญิงสาวที่อยู่กลางซากไม้และสิ่งของที่กระจัดกระจาย นี่คือวิชิต ที่หายตัวไปจากสังคมมานานแสนนานและกลับมาพร้อมกับบางสิ่งบางอย่างที่เปลี่ยนแปลงในตัวเขา
...ข้าก็พยายามเตือนเจ้าแล้ว เจ้าไม่ฟัง คราวนี้ระวังตัวนะ... เจนนูพูดด้วยน้ำเสียงแข็ง
...คะ...ค่ะ... อลิสสิตาตอบขณะยังมึนงงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ในขณะที่กิตติยันกายของตนเองขึ้นมาดูผู้บุกรุกแล้วล้วงเอาปืนพกที่เหน็บไว้กับตัวออกมา
“นายวิชิต... นายเป็นอะไรไป” อลิสสิตาร้องถามขณะค่อยๆเดินเข้าไปใกล้ๆ
“กูน่ะหรอ  เหอะๆ” วิชิตแสยะยิ้มอย่างน่าเกลียด ใช้มือขวาลูบไล้ใบหน้าตนเองเบาๆ
“กูเป็นพระเจ้าไงเล่าอีสัด” วิชิตตะโกนเสียงดังแล้วสะบัดมือของเขาออกไปอย่างรวดเร็ว ปลายนิ้วของเขายืดออกอย่างรวดเร็วกลายเป็นเส้นยาวๆสีดำมากมายพุ่งเข้าหาหญิงสาวอย่างรวดเร็ว
วินาทีนั้นกิตติก็ประทับปืนและลั่นไก...
จบตอนที่ 24 อ่านต่อ 25 นะครับ
(ไปเที่ยวหัวหินมา หมดตูดเลยผมฮ่าๆ)

1 ความคิดเห็น:

  1. ไม่ระบุชื่อ11 กรกฎาคม 2555 เวลา 09:33

    ความคิดเห็นนี้ถูกลบโดยผู้ดูแลระบบของบล็อก

    ตอบลบ