สารบัญ จิตอิสระ โดย อิสระ

12 มีนาคม, 2555

จิตอิสระ บทนำ ตอนที่ 1 โดย อิสระ

"จิตอิสระ บทนำ ตอนที่ 1" 

"ชีวิตประจำวันของข้าช่างน่าเบื่อเสียจริง"

        เสียงดังออกมาอย่างเลื่อนลอยสะท้อนก้องไปมาในห้องโถงกว้างสีเขียวสด  ปรากฏร่างของต้นเสียงอยู่ในลักษณะกึ่งนั่งกึ่งนอนลอยเคว้งคว้างกลางอากาศ ดวงตาเล็กๆไร้สีสันสื่ออารมณ์ใดๆกำลังจ้องมองไปยังด้านบนอย่างเรื่อยเปื่อย ร่างกายสีครีมอ่อนเล็กกะทัดรัดบิดตัวไปมาพร้อมบังคับตนให้ลอยสูงกว่าเดิมจนไปยังสุดหลังคาห้องโถง  พริบตาเดียวร่างนั้นก็ทะลุผ่านสิ่งปลูกสร้างนั้นขึ้นไป ออกไปสู่ท้องฟ้ากว้างไกลสีเทาทะมึน
        ‘เจนนู’ สิ่งมีชีวิตผู้ปกครองปราสาทพู่กันสีหมอก ยันตนเองขึ้นยืนบนสุดปลายหลังคาของปราสาทตนเอง ยกมือขนาดเล็กกะทัดรัดไม่ต่างจากร่างกายตนขึ้นสูง พร้อมบิดตนเองเป็นเกลียวราวกับน๊อต ก่อนคลายบิดขี้เกียจอย่างรวดเร็วให้ร่างกายกลับเข้าที่ เขาเป็นผู้ครองปราสาทพู่กันสีหมอก แห่งเมืองอมตะนครา เมืองของเผ่าพันธุ์เดมิก๊อด ซึ่งอยู่ใจกลางจักรวาลกาแล๊กซี่ฟอร์แน๊กซ์ เผ่าพันธุ์ที่มีชีวิตอยู่เพื่อเกิดขึ้นและดับสูญ และเกิดขึ้นใหม่ซ้ำๆ ไปซ้ำมาไม่รู้จบ เจนนูมีชีวิตอยู่เช่นนี้ไม่รู้กี่หลายพันรอบ เขายังจำได้ดีเมื่อรู้ถึงชีวิตอมตะครั้งแรกเมื่อเขาเพิ่งเกิด เขารู้สึกตื่นเต้นไม่ต่างอะไรกับเจอสิ่งสุดยอดที่สุดในชีวิต เขามีความฝันที่จะปกครองและควบคุมทุกสิ่งทุกอย่างในอาณาจักรนี้ จนกระทั่ง200ก่อน เขาก็ได้อาณาจักรมาในกำมือท่ามกลางการปกครองที่เขาเป็นผู้อยู่ตำแหน่งสูงสุด ทุกวันนี้เขาได้แต่เพียงมองไปยังเมืองของตนท่ามกลางหมอกควันสีเทาจาง ชาวเมืองตัวกระจิดริดกำลังดำเนินชีวิตไม่รู้จบของตนอย่างไม่รู้เหน็ดเหนื่อย สำหรับเจนนูการมีชีวิตที่จีรังไม่ใช่เป้าหมายในชีวิตของเขาอีกต่อไป เจนนูยังคงต้องการสิ่งใดก็ตามที่สามารถกระตุ้นให้เขาตื่นจากความฝันอันเลื่อนลอยและไร้สาระเช่นนี้

“นายท่านเจนนู ท่านมิเบื่อรึ เอาแต่จ้องมองชีวิตอันน่าสมเพชของอมรา (คำที่ใช้เรียกแทน ผู้คน ของพันธ์เดมิก๊อด) เหล่านั้น” เสียงหวานจ๋อยดังมาจากด้านหลัง เจนนูแทบไม่มีปฏิกิริยาใดๆต่อเสียงนั้น เขายังคงจ้องมองด้านล่างต่อไป ราวกับเหล่าอมราเหล่านั้น จะสามารถทำให้เขาหลุดพ้นจากความน่าเบื่อนี้ไปได้
“เชอะ” ร่างสีฟ้าซีดสะบัดตัวหนีอย่างเสียอารมณ์ เธอคือจีเซลล่า ผู้เป็นดั่งราชินีของอมตะนครา เธอได้รับเลือกจากเจนนูให้เป็นผู้ปรนนิบัติรับใช้ส่วนตัว แต่ไม่เคยมีครั้งใดเลยที่เจนนูคิดจะเรียกใช้เธอ แม้แต่ชายตามองสักครั้งยังไม่มี มันทำให้เธอเศร้าใจดุจดั่งปลาทองสวยงามที่ได้แต่อยู่ในโหลแก้วสวยๆตัวเดียว เพื่อประดับห้องให้มีชีวิตชีวา    จีเซลล่ายืนอยู่ได้ไม่นานก็ดิ่งตัวลงในปราสาทอย่างหมดอารมณ์

“ข้าเบื่อเหลือเกิน หากมีสิ่งใดที่จะสามารถตรึงใจข้าได้ ข้าจะพึงพอใจยิ่งนัก” เจนนูรำพึงกับตนเอง แล้วค่อยๆปล่อยตนเองลงทะลุหลังคาปราสาท

“ข้าเกรงว่า องค์ราชาต้องพอพระทัยในสิ่งที่ข้าค้นพบเป็นแน่แท้” 
        จู่ๆเสียงแหลมบาดหูก็ดังจากเบื้องล่าง เจนนูขณะกำลังลอยตัวลงอย่างอืดอาดหันลงไปมอง ปรากฏร่างสีเหลืองเป็นชั้นๆซึ่งกำลังขยับกายไปมาอยู่บนพื้นเบื้องล่าง อมราผู้นี้คือ เลวีกา ซึ่งเป็นขุนนางรับใช้ใกล้ชิด ซึ่งเจนนูสั่งให้เขาไปหาอะไรก็ได้ที่สามารถบรรเทาความเบื่อหน่ายในชีวิตที่ไม่รู้จบของเขามา ซึ่งตลอดเวลา20ปี ขุนนางก็เฝ้าเพียรหามาทั่วทุกซอกขอบเขตจักรวาล แต่ก็ยังไม่สามารถสนองความพอใจของเจนนูได้ และครั้งนี้ก็คงเหมือนกัน เจนนูคิด
“เจ้ายังคงหาของเล่นให้ข้ารู้สึกหน่ายชีวิตมากกว่าเดิมเสมอๆเลยนะเลวีกา ครั้งนี้อะไรล่ะ” เจนนูเหยียดอย่างเย็นชา สายตาเขาแทบไม่มองผู้ฟัง เลวีกาขยับร่างกายตนอย่างรวดเร็วไปมาอยู่กับที่ เขากำลังโกรธเพราะตลอดเวลาที่เขาพยายามหามาไม่ว่าจะเป็นสิ่งใด เจนนูก็โยนทิ้งประดุจว่าความพยายามของเขาไร้ค่า แต่เลวีกายังคงเก็บสีหน้าและน้ำเสียงได้
“หามิได้ องค์เหนือหัว ครานี้ข้ามั่นใจอย่างมาก ว่าท่านต้องรู้สึกประหลาดใจกับสิ่งที่ข้าค้นเจอ”
“ไหนล่ะ อะไรของเจ้าน่ะ” เจนนูชายตามองนิดหนึ่ง เห็นขุนนางรับใช้ตนหยิบปลอกนิ้วมาสวม ปลอกนิ้วนั้นคืออุปกรณ์พิเศษ ซึ่งสามารถบรรจุหลายๆสิ่งไว้เพื่อใช้ประโยชน์ในหลายโอกาส ซึ่งเป็นวิทยาการที่เจนนูได้คิดค้นขึ้นเองกับมือ และหลังจากนั้นก็นำมาขายจนได้กำไรเป็นกอบเป็นกำ กลายเป็นเหตุผลหนึ่งที่เขาสามารถครองเมืองอมตะนคราได้ดุจชี้นิ้วสั่ง

        เลวีกาสะบัดปลอกนิ้วตนเองไปมาอย่างรวดเร็ว และภาพของวัตถุทรงกลมแบบสีฟ้าก็ปรากฏคั่นกลางของเขาและเจนนู
“นี่คือดาวโลกขอรับนายเหนือหัว”
“แล้วไง ไม่ต่างอะไรกับดาวฟีลีอัสที่ข้าเจอมาหรอกนะ” เจนนูจ้องมองภาพโฮโลแกรมอย่างไม่ตื่นเต้นอะไร 
“ต่างขอรับ ข้าจะให้ท่านดูสิ่งนี้”พูดจบ เลวีกาก็สะบัดปลอกนิ้วอีกครั้ง สีสันของภาพเปลี่ยนไป สายตาของเจนนูพลัยเปลี่ยนเป็นความปิติและทึ่งในคราวเดียวกัน

“รึว่า!!!” เจนนูอุทานด้วยเสียงอันดัง ราวกับภาพตรงหน้ากำลังจะกลืนกินความเศร้าหมองเบื่อหน่ายและอารมณ์เลื่อนลอยของเขาได้ในพริบตา  





จบบทที่1 ตามต่อบทที่2นะครับ


(ขอเกริ่นเรื่องนิดนะ อย่าว่ากัน เพราะโครงเรื่องมันแน่นมากครับ ขออภัย  ติชมได้นะครับ ขอบคุณ)

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น