สารบัญ จิตอิสระ โดย อิสระ

12 มีนาคม, 2555

จิตอิสระ บทที่ 2:แปรผกผัน ตอนที่ 6 โดย อิสระ

จิตอิสระ ตอนที่ 6 โดย อิสระ
/-/-/-/-/บทที่ 2: แปรผกผัน /-/-/-/-/

        ริชมอนต์ แซมเมอร์สัน เดินทางจากประเทศอเมริกาบ้านเกิดเมืองนอนมาแสวงโชคยังสยามประเทศตั้งแต่สมัยตนยังหนุ่ม หลังจากเพียรอดทนสู้ชีวิตมาร่วม15ปี เขาก็สามารถก่อตั้งกิจการเครื่องประดับอัญมณีได้สำเร็จ โดยใช้ชื่อของตนเป็นชื่อสินค้าให้เลื่องชื่อลือนามไปไกล ซึ่งธุรกิจนี้เกิดขึ้นไม่นานหลังจากเขาตกลงแต่งงานกับดุสิตา หญิงสาวชาวไทยที่คบหาดูใจมากว่า 5 ปี และร่วมฝ่าฟันอุปสรรคร่วมกันมา แต่เขากลับต้องเสียใจมากที่สุดเมื่อภรรยาอันเป็นที่รักต้องด่วนจากไปเมื่อ10ปีหลังจากที่เธอคลอดลูกสาวออกมา ตั้งแต่นั้นมา เขาไม่อยากให้ลูกรักต้องเกิดอะไรก็ตามที่ทำให้อยู่ในจุดเสี่ยงอันตราย และได้แต่โทษตนเองที่ไม่เอาไหน และไม่ใส่ใจสุดที่รักให้มากกว่านี้ แต่ไม่รู้เพราะอะไร ยิ่งเขาพยายามทำให้ลูกปลอดภัย ห่างไกลอันตรายและสร้างอนาคตที่ดีให้เท่าไหร่ ลูกกลับยิ่งเกลียดเขา และทุกอย่างยิ่งดูแย่มากขึ้นเท่านั้น วันนี้เขาพาเจ้าสัวเจ้าของที่ดินทำเลดีพร้อมลูกชายมาเพื่อให้ลูกเธอเลือก กลับไร้ค่าอีกเช่นเคย เพราะเธอดูจะไม่สนใจในสิ่งที่เขาพยายามหาให้เลย ซ้ำยังเสียมารยาทลุกขึ้นกลางโต๊ะอาหารแล้วออกไปนอกระเบียง ไหนจะเจ้าวิชิตที่มาเรียกเขาแบบสนิทสนมแบบนั้นอีก ครั้งนี้เป็นครั้งแรกเลยที่ริชไม่ยอมรับตัวลูกชายเจ้าสัวที่นิสัยต่ำทรามเช่นนี้
        ทันใดนั้นเอง ขณะกำลังสนทนาอยู่กับเจ้าสัว เขาก็ได้ยินเสียงระเบิดดังขึ้น มันดังราวกับเปลือกโลกใบนี้กำลังปะทุออกมาพร้อมกับลาวามากมาย ด้วยเสียงกึกก้องกัมปนาท ริชมอนต์ตกใจแทบสิ้นสติ และหนักยิ่งกว่าเดิม เมื่อรู้ว่ามันเกิดขึ้นตรงบริเวณระเบียงชมจันทร์
“ล... ลูกพ่อ” แค่นั้น ริชมอนต์ก็พูดไม่ออก ร่างกายของเขาแข็งทื่อราวกับถูกอากาศรอบตัวจับตรึงไว้ไม่ให้ไปไหน ลมหายใจหยุดไปชั่วขณะ ปอดหยุดทำงานเพราะเสียการควบคุม จังหวะนั้นเอง การลำดับลมหายใจเข้าออกของริชมอนต์เกิดขัดข้อง เขาไม่สามารถหายใจได้ ซ้ำน้ำในลำคอยังเข้าไปในหลอดลมเพราะระบบหายใจล้มเหลว
        ณ เวลานั้น ไม่มีใครมาสนใจมหาเศรษฐีผู้ยิ่งใหญ่แห่งวงการเครื่องประดับอีกต่อไป เพราะต่างคนต่างต้องเอาชีวิตตนเองให้รอด ริชมอนต์ แซมเดอร์สัน ชายชราผู้ยิ่งใหญ่ ประธานและผู้ก่อตั้งบริษัทริคแอนด์แซม ไดมอนด์ เกิร์ล ส์ เบสท์ เฟรนด์ก็หยุดลมหายใจ และนอนแน่นิ่งอยู่ใต้โต๊ะอาหารไม้สักสวยสดด้วยดวงตาเบิกโพลงแต่เพียงผู้เดียว...

-ชีวิตนี้ ข้าขออุทิศแด่ดุสิตา ยอดรัก และอลิสสิตา ยอดรักของข้า- ริชมอนต์เอ่ยขึ้นในใจขณะนี้แสงสว่างเจิดจ้าไปทั่ว แล้วแตกดับหายไป...


        เจนนู ไม่คิดว่าร่างของเขาที่สลายไปแล้วจะสามารถรักษาสภาพดวงจิตของเขาได้อยู่ เขาต้องหาสิ่งมีชีวิตใหม่เป็นที่สถิตร่าง แล้วเขาก็พบร่างของสิ่งมีชีวิตบนดาวโลกร่างหนึ่ง กำลังจ้องมองเขาอยู่ด้วยดวงตาสวยสดใส เขารู้สึกคุ้นหน้าค่าตาของมนุษย์คนนี้อย่างบอกไม่ถูก ด้วยอะไรก็ตามที่เขาไม่อาจรู้ได้ เขาก็ได้พุ่งเข้าร่างของเธอไปแล้ว

        ตามปกติ เดมิก๊อดเป็นเผ่าพันธุ์ที่เมื่อแตกดับแล้ว จะสามารถสร้างร่างจากซากของตนได้ด้วยตนเอง แต่เจนนูถูกปรสิตทำลายร่างของตนไปเรียบร้อยแล้ว จึงทำให้เขาต้องอาศัยร่างสิ่งมีชีวิตมากำหนดลักษณะเฉพาะของตนเองและใช้ร่างนั้นในการสร้างร่างเดมิก๊อดใหม่ เจนนูจึงจำเป็นต้องใช้ร่างอลิสสิตา และเข้าไปในตัวเธอเรียบร้อยแล้ว...

-รุ่งขึ้น-
        การพุ่งชนอาคารสูงใจกลางเมืองเมื่อค่ำคืนที่ผ่านมากลายเป็นข่าวอึกทึกครึกโครมเพราะมันนำมาซึ่งการเสียชีวิตของเศรษฐีชาวอเมริกันและการสูญหายอย่างไร้ร่องรอยของอลิสสิตา ผู้สืบทอด และนายวิชิต ลูกชายเจ้าสัวที่ดินคนดัง ไม่มีวี่แวว และร่องรอยอุกกาบาตใดๆทั้งสิ้นที่จะบอกว่าอะไรเกิดขึ้น ทิ้งไว้แต่รอยไหม้ และพื้นหินขัดแตกกระจาย กระจกถูกแรงลมอัดกระแทกไม่เหลือสภาพสวยงาม แต่นาซ่านั้นยืนยันว่า เขาจับสัญญาณทางอากาศได้จริงๆว่ามีวัตถุจากนอกโลกพุ่งชน แต่ไม่สามารถยืนยันได้ว่าคืออะไร เพราะไม่เคยเจอเหตุการณ์ที่วัตถุขนาดเล็กนิดเดียวจะทะลุชั้นบรรยากาศและยังหลงเหลือซากให้สามารถพุ่งชนทำความเสียหายได้ และไม่ทิ้งหลักฐานไว้
   ห่างออกไปจากจุดเกิดเหตุราว 1 กิโลเมตร เป็นเพียงป่าละเมาะใต้สะพานทางด่วนที่ถูกทิ้งให้รกร้างไม่มีใครสนใจ ร่างของอลิสสิตากำลังยันตัวให้ลุกขึ้นอย่างช้าๆ ทันทีที่เธอได้สติ เธอก็ต้องตกใจและมึนงงกับสภาพตนเอง คำถามนับร้อยวิ่งเข้ามาในสมองราวกับรถแข่งในสนามขับวนไปวนมาอย่างรวดเร็วและรุนแรง เธอจำไม่ได้ว่าเกิดอะไรขึ้นหลังจากการพุ่งชน เธอไม่รู้ว่าทำไมชุดไหมสีฟ้าที่เธอใส่กลับกลายเป็นชุดรัดรูปสีดำสลักด้วยลวดลายประหลาดซึ่งเริ่มตั้งแต่บริเวณต้นคอไปจนถึงโคนขาอ่อน อีกทั้งเธอยังไม่ได้รับบาดเจ็บอะไรเลย และทำไมเธอถึงได้มาอยู่ที่นี่

‘ให้ข้าได้ตอบเจ้าด้วยเถิด แม่หญิง’ เสียงสุขุมนุ่มดังจากที่ไหนสักแห่งใกล้ๆเธอ อลิสสิตาพรวดพราดลุกขึ้นแล้วหันไปรอบข้างอย่างตกใจ และเมื่อพบว่าไม่มีใคร เธอก็ยังคงยืนนิ่งอยู่เช่นนั้น แล้วหายใจช้าๆพยายามตั้งสติ
‘ข้าอยู่ที่นี่ ในจิตใจของเจ้า’ เสียงดังขึ้นอีกครั้ง คราวนี้ชัดเจนแจ่มแจ้ง อลิสสิตาจำเป็นต้องไปหาที่ไหนแน่นอน เพราะมันดังอยู่ในหัวของเธอ แต่หัวใจเธอดิ่งวูบลงไปดุจตกลงสู่เหว เมื่อรู้ว่า อะไรสักอย่าง กำลังอยู่ในร่างกายเธอ
‘ข้าชื่อเจนนู มาจากอมตะนครา อันเป็นอาณาจักรอันไกลโพ้นสุดจะคาดเดาสำหรับเจ้า’ ครั้งนี้เสียงเริ่มมั่นคง และอลิสสิตาเริ่มตั้งสติได้แล้ว เสียงนั้นยังพูดต่อ ‘ข้าเดินทางมาที่นี่เพื่อเสาะหาบางสิ่งที่ที่ของข้าไม่เคยเจอมาก่อน’ 
“แล้ว เอ่อ คุณมาอยู่ในหัวอลิสได้ไง” อลิสออกเสียงถาม เธอรู้สึกแปลกๆที่เหมือนกับตัวเองพูดอยู่คนเดียว
‘ข้าถูกบางอย่างทำร้ายร่างหยาบจนดับสูญก่อนถึงพื้นโลก ข้าจึงต้องหาร่างหยาบก่อนที่จิตจะแตกดับ ข้าจึงต้องอาศัยในร่างของเจ้า ข้าขออภัยที่ถือวิสาสะพาเจ้ามายังสถานที่นี้โดยไม่ได้รับอนุญาต และเข้าไปในความทรงจำของเจ้าบางส่วน’

“บางส่วน?” อลิสสิตาย้ำ เลิกคิ้วนิดหนึ่งอย่างตกใจ “ป...แปลว่า คุณอ่านใจอลิสได้”
‘เกือบคล้ายคลึง’ เจนนูตอบ ‘ข้าสามารถอ่านความทรงจำเจ้าได้เพียงอย่างเดียว แต่สิ่งที่เจ้ากำลังคิดนั้น ข้ามิอาจรับรู้ได้ จนกว่าจะถูกนำเข้ามาในส่วนของความทรงจำ ซึ่งใช้เวลาไม่นาน ราว 1นาที’ 
“แปลว่า คุณก็รู้หมดเลยสิว่าอลิสเป็นอะไรมายังไง แล้วสิ่งที่อลิสคิดนั้นเป็นอย่างไร” พูดเสร็จเธอก็สะดุ้งสุดตัว เพราะมีสิ่งที่เป็นความลับของเธออยู่ในความทรงจำด้วย
เจนนูเงียบได้ครู่เดียวก็พูดออกมา ‘เรื่องนั้นให้ข้าช่วยเจ้าแล้วกัน’
อลิสสิตาหน้าแดงก่ำแล้วร้องออกมาเสียงหลง “ไม่ อย่านะ”

ชุดรัดรูปสีดำ(แต่หาแบบมีรอยสลักไม่เจอ)
จบตอนที่ 6 ติดตามต่อตอนที่ 7 จ้า
(555+ แต่งมาจนถึงตอนที่ 6 ไม่มีอะไรเลย ตอนหน้านะ เจอแน่ ฮ่าๆ ติชมได้นะครับ ขอบคุณ)

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น