สารบัญ จิตอิสระ โดย อิสระ

12 มีนาคม, 2555

จิตอิสระ บทนำ ตอนที่ 3 โดย อิสระ

จิตอิสระ ตอนที่ 3 โดย อิสระ

สายลมที่แผ่วเบาไหลพัดเอื่อยๆจากทิศเหนือครางเสียวหวีดหวิวเมื่อผ่านเหล่ายอดดอกหญ้าสีน้ำตาลอ่อนส่งให้มันโน้มยอดลู่ตามกระแสลมที่มาเป็นคลื่นระลอก ดุจดั่งมือของผู้คนมากมายทั่วสารทิศกำลังพัดโบกไปมาตามจังหวะดนตรีกลางสนามอย่างแผ่วเบา หากกระแสลมสามารถถอดความหมายเป็นเพลงได้ มันคงจะเป็นเพลงช้าที่อบอุ่น และขับกล่อมออกมาด้วยเสียงที่มีพลัง แต่สะกดให้ทุกสรรพสิ่งอยู่ในภวังค์แห่งความสงบได้

“ทำไมชีวิตของเราไม่สุขสงบเหมือนสายลมบ้างนะ” เสียงกระซิบที่ดังขึ้นในใจของอลิสสิตา หญิงสาววัยเบญจเพสซึ่งยืนมองกลุ่มใบไม้ที่หลุดร่วงออกจากลำต้น ถูกกระแสลมแผ่วเบาพัดพาทะลุผ่านกอหญ้า แล้วทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้าราวกับกำลังโต้ลมเล่น มันช่างต่างกับชีวิตของเธอเสียจริง 
เธอคือ อลิสสิตา เชาวกรกุล ทายาทสาวผู้สถาปนาบริษัท ริคแอนด์แซม ไดมอนด์ เกิรล์ ส์ เบสท์เฟรนด์(Rick & Sam Diamond girl’s best friend) ซึ่งประกอบธุรกิจผลิต และค้าเครื่องประดับอัญมณีเกรดสูง ซึ่งก่อตั้งเมื่อ20ปีที่แล้ว และด้วยเนื้องานที่เปี่ยมไปด้วยคุณภาพ ความสร้างสรรค์ และความบรรจงวิจิตร จึงทำให้ริคแอนด์แซม ไดมอนด์ เกิรล์ ส์ เบสท์ เฟรนด์ ก้าวสู่การเป็นผู้นำวงการเครื่องประดับคุณภาพต่อเนื่องมากว่า10ปี
“คุณอลิสสิตาครับ ได้เวลาแล้วครับ” เสียงเข้มดังจากด้านหลัง อลิสสิตากระพริบตาถี่ๆราวกับพยายามกลับมาสู่โลกปัจจุบัน แล้วรวบปอยผมที่หลุดออกจากการรัดมาไว้ที่หลังหู เธอก้มลงสำรวจชุดราตรีสีฟ้าอ่อนทำจากผ้าไหมอย่างดี และตวัดจีบผ้าบริเวญทรวงอกให้เป็นลายคล้ายกลีบดอกไม้ซ้อนกัน และจัดแจงสร้อยทองคำขาวขนาดเล็กและที่ตรงใจกลางลำคอขาวผ่องของเธอ มีอัญมณีไร้สี แต่กลับส่องประกายวาววับราวกับมันไม่ต้องการแสงจากภายนอกมาทำปฏิกิริยาสะท้อนแสงดังเช่นอัญมนีทั่วไป อลิสสิตาหันกลับหลังไป จ้องมองไปยังการ์ดของตนด้วยดวงตากลมโตสีน้ำตาลเข้ม แสร้งทำฉีกยิ้มเล็กๆด้วยริมฝีปากสีชมพูอ่อนสวยทรงกระจับ ก่อนเดินออกจากระเบียงหลังของคฤหาสน์ริชมอนด์ ที่พักอาศัยของเธอ พ่อ และเหล่าผู้คุ้มกันของพ่อทั้งหลาย
“ชั้นจะต้องเข้างานรับประทานอาหารมื้อนี้กับใครล่ะ” อลิสสิตาถามด้วยเสียงเรียบปกติ แต่ชายชุดดำผิวสีเข้มกลับจับอารมณ์ที่บ่งบอกความรู้สึกได้
“วันนี้คุณอลิสสิตามีนัดทานอาหารมื้อเย็นกับคุณวิชิต ลูกชายคนโตของเจ้าสัวภูชิตครับ
“อืม จะใครก็ช่าง ชั้นจะไปเดี๋ยวนี้แหละ” พูดจบ เธอก็หยิบกระเป๋ามือถือสีครีมอ่อนบนโต๊ะ และโทรศัพท์มือถือรุ่นใหม่ตามสมัยนิยมที่พ่อของเธอ คอยเฝ้าอัพเดทความทันสมัยให้เสมอๆ
ไม่นาน ราตรีที่ยาวไกลได้เริ่มคืบคลานครอบคลุมเมืองหลวงอันศิวิไลซ์ของคนไทย ชีวิตมากมายบนถนนที่แออัดกำลังเฝ้ารอคอยที่จะกลับถึงที่พักเพื่อจบชีวิตประจำวันของตนและเตรียมพร้อมที่จะเริ่มวัฏจักรชีวิตซ้ำซากของตนในวันต่อไป  อีกไม่น้อยเลยกำลังเริ่มชีวิตราตรีอันครื้นเครงและมีชีวิตชีวาด้วยจิตใจมุ่งหวัง และเต็มเปี่ยมไปด้วยความหวังความฝัน นี่คือเมืองหลวงของประเทศไทย เมืองหลวงศิวิไลซ์ที่ได้รับการยกย่องเป็นเมืองที่น่าท่องเที่ยวกลางคืนที่สุดในโลกอันดับ 1 ด้วยความพร้อมในหลายๆด้าน โดยเฉพาะสถานบันเทิงยามราตรี จึงไม่แปลกที่จะสามารถครองตำแหน่งสูงสุดมาได้ง่ายๆ
ครู่ต่อมา อลิสสิตาก็ได้ก้าวออกจากรถเบนซ์ เอสคลาสสีดำเงางาม และออกเดินตามพรมปูทางสีแดงสด ล้อมรอบไปด้วยชายชุดดำมากมาย ที่คอยปิดช่องทางของสิ่งต่างๆที่จะก่อให้เกิดความอันตรายของลูกสาวเศรษฐีได้ อลิสสิตาเดินตามทางไปยังอาคารสูงเสียดฟ้าเบื้องหน้า ซึ่งตกแต่งตัวอาคารด้วยหินขัดมันสีดำทั้งตัวอาคาร ภายในประกอบไปด้วยส่วนประกอบที่เป็นหินอ่อนขัดมันและกระจกบานใหญ่เป็นส่วนใหญ่ ด้วยแนวคิดการตกแต่งสไตล์โมเดิร์นที่เน้นความเรียบง่ายที่สวยหรู เมื่อเดินมาถึงล๊อบบี้ เจ้าหน้าที่ประจำอาคารมากมายต่างยืนเข้าแถวรอตอนรับอยู่ริมทางเดินทั้งสองด้าน พร้อมยกมือไหว้เมื่ออลิสสิตาเดินผ่าน เธอยิ้มรับไหว้ของทุกคนตลอดแนวทางเดิน แต่กลับพบเพียงใบหน้าเรียบเฉยที่พยายามฝืนยิ้มให้มากที่สุด ซึ่งเธอรู้ดีว่าพวกเขาเหล่านี้ต้องมาเสียเวลายืนพนมมือค้างเพื่อเธอคนเดียว แทนที่พวกเขาเหล่านั้นจะได้กลับถึงบ้านไปหาครอบครัวหรือทำธุระใดๆตรงเวลา เธอไม่เคยถือโทษโกรธพวกเขาเหล่านี้เลย แต่กลับเป็นพ่อของเธอ ที่บงการทุกอย่างในชีวิตของเธออยู่ในกำมือ
อลิสสิตาขึ้นลิฟท์ส่วนตัวไปยังชั้นบนสุดของอาคาร เพื่อไปยังภัตตาคารชมจันทร์ อันเป็นภัตตาคารเลื่องชื่อของเหล่าผู้มีอันกินในละแวกใกล้เคียงนี้ ซึ่งเธอมาบ่อยอยู่แล้ว ไม่ใช่เพื่อทานอาหาร แต่มาเพื่อดูตัวกับลูกชายของเศรษฐีทั้งหลายไม่เคยซ้ำหน้าแม้แต่ครั้งเดียว อลิสสิตาไม่เคยพอใจสักครั้งที่มีการนัดทานอาหารเพื่อดูตัว ลูกชายหัวแก้วหัวแหวนแต่ละคนต่างทำตัวกักขฬะ นิสัยหยาบช้า ไม่ได้เข้ากับฐานะของตนเอง บางคนก็อ้วนน่าเกลียด หลายคนก็เจ้าเล่ห์เพทุบาย หากพวกเขาเหล่านั้นไม่ได้มีระดับฐานะทางการเงินสูงเสียดฟ้าล่ะก็ คงไม่ต่างอะไรกับคนธรรมดาตามข้างถนนทั่วไป

“มาแล้วรึ ลูกรัก” เสียงสุขุมนุ่มแทรกเข้า ทันทีที่ประตูลิฟท์เปิดออก อลิสสิตาเงยหน้าขึ้นมาสบตาผู้เป็นพ่อบังเกิดเกล้าอย่างช้าๆ มิสเตอร์ริชมอนด์ แซมเมอร์สัน ผู้เป็นทั้งบิดาแท้ๆและประธานบริษัทผู้ก่อตั้งริคแอนด์แซมฯ กำลังนั่งหันหน้ามาหาเธอ จ้องมองด้วยดวงตาสีฟ้าใส ใบหน้าสีขาวซีดและเหี่ยวย่นไปตามระยะเวลาและความเครียดจากการทำงานมาเกือบทั้งชีวิต เขานั่งอยู่กับชายอีกสองคนซึ่งกำลังหันหลังให้เธอ ทั้งสามสวมสูท ผูกเนคไทตามการแต่งกายแบบฉบับสากล แต่สิ่งที่ต่างกันคือขนาดรูปร่าง สีผิวและสีผม อลิสสิตาจ้องมองริชมอนด์ตาเขม็ง เธอเกลียดพ่อของเธอตั้งแต่หลังจากแม่เธอเสียชีวิตไปใหม่ๆ จากพ่อที่แสนดีและอบอุ่นที่รักเธอดั่งแก้วตากลับเย็นชา และผลักไสไล่ส่งให้เธอไปอยู่ในกรงทองสวยสดงดงามที่ใครก็มิอาจเอื้อมถึง และแม้แต่เธอก็ออกไปไหนไม่ได้เช่นกัน
- - ชีวิตที่มีเพียงลมหายใจ แต่ไร้ซึ่งความอบอุ่น - -
จบบทที่ 3 ติดตามชมบทที่ 4 ต่อนะครับ


อลิสสิตา เชาวกรกุล
(3บทแล้ว ยังไม่หวือหวาเลย ฮ่าๆ ช่วงนี้กำลังตามงานติดค้างอยู่ จะพยายามรีดงานให้ทันและแต่งให้ต่อเนื่องนะครับ      ติชมได้นะครับ ขอบคุณ)

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น